บทสรุปจากศาลภาษีอากรกลาง ราคาตลาดในการขายอสังหาริมทรัพย์

กรณีที่ดินและตึกแถวที่บริษัท (โจทก์) ขายให้แก่บริษัท A ผู้ซื้อนั้น เป็นที่ดินและตึกแถวที่ให้บริษัท B เช่า ดังนั้น การขายที่ดินและตึกแถวดังกล่าวจึงเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทมีไว้ในการประกอบกิจการอันเข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร บริษัทจึงต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ

ตามมาตรา 91/1 (1) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติว่า รายรับที่จะนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ หมายความว่า เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดๆ อันมีมูลค่าที่ได้รับ และมาตรา 91/1(2) คำว่า “ มูลค่า ” หมายความว่า ราคาตลาดของทรัพย์สิน ของกิจการ ของค่าตอบแทน หรือ ของประโยชน์ใดๆ และมาตรา 91/1 (3) คำว่า “ ราคาตลาด ” หมายความว่า ราคาที่ซื้อขายกันหรือที่คิดค่าบริการกันตามความเป็นจริงทั่วไปในขณะใด ขณะหนึ่ง

ฉะนั้น ราคาที่ดินและตึกแถวที่บริษัทขายให้แก่บริษัท A จะเป็นราคาตลาดต่อเมื่อเป็นราคาซื้อขายกันตามความเป็นจริงทั่วไปในขณะที่มีการซื้อขายกัน เมื่อปรากฏว่าราคาตลาดที่ดินตามฟ้องในขณะที่มีการซื้อขายกันนั้นมีหลายราคา ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 53,924,000 บาท สูงสุดอยู่ที่ 909,293,000 บาท ส่วนจะเป็นราคาใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ ค่าเพิ่มของที่ดินและส่วนลด ค่าเพิ่มของที่ดินมีตั้งแต่เฉลี่ยร้อยละ 6 ถึงร้อยละ 10 ต่อปี และส่วนลดมีตั้งแต่ร้อยละ 10 ถึงร้อยละ 12 ต่อปี ปัจจัยดังกล่าวเป็นการคาดคะเนในอนาคต จึงเป็นการยากที่จะประมาณการค่าเพิ่มของที่ดินและส่วนลดได้ถูกต้อง การที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ใช้ราคาสูงสุดของมูลค่าทรัพย์สินเป็นราคาในการกำหนดรายรับเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจึงไม่ถูกต้องและเป็นธรรมแก่บริษัท

เมื่อมาตรา 30 (2) แห่งประมวลรัษฎากร บัญญัติให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ต่อศาล เพื่อให้ศาลพิจารณาว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด ก็มีอำนาจเพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้น แต่ถ้าชอบด้วยกฎหมายเพียงบางส่วน ก็มีอำนาจที่จะแก้ไขการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นได้ เมื่อศาลภาษีอากรกลางเห็นว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ในคดีนี้ชอบด้วยกฎหมายเพียงบางส่วนศาลภาษีอากรกลางมีอำนาจแก้ไขการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ได้

ดังนั้น เมื่อศาลภาษีอากรกลางเห็นว่าบริษัทและกรมสรรพากร (จำเลย) มิได้โต้แย้งกันว่าราคาตึกแถวที่ซื้อขายกันจำนวนเงิน 23,510,000 บาทมิใช่ราคาตลาด ราคาตึกแถวที่จะนำมาคำนวณรายรับเพื่อเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจึงเป็นราคาดังกล่าว ส่วนราคาตลาดของที่ดินมิใช่ราคาตามที่ต่างฝ่ายต่างอ้างและไม่อาจหาราคาตลาดที่ถูกต้องได้ การที่ศาลภาษีอากรกลางกำหนดราคาตลาดของที่ดินโดยใช้ราคาเฉลี่ยระหว่างขั้นต่ำ 53,924,000 บาท และราคาขั้นสูง 909,293,000 บาท เป็นเงิน 481,608,500 บาท โดย กำหนดรายรับจากการขายที่ดินและตึกแถวตามฟ้องรวมเป็นเงิน505,118,500 บาท เพื่อคำนวณเสียภาษีธุรกิจเฉพาะจึงเป็นธรรมและชอบด้วยกฎหมาย



19 พฤษภาคม 2552


Copyright (c) 2014 - 2024 narongaccounting.co.th All rights reserved.
System developed by CRiT SERVICE | CHECK MAIL | BOOKMARK | NR SERVICE