แนวทางปฏิบัติกรมสรรพากร ที่ มก
เรื่อง การพิจารณาเหตุอันสมควร ตามมาตรา
67 ตรี แห่งประมวลรัษฏากรเพื่อให้การพิจารณากรณีที่จะถือว่า บริษัทหรือห้างหุ่นส่วนนิติบุคคลยื่นรายการและชำระภาษีตามมาตรา
67 ทวิ แห่งประมวลรัษฏากร โดยแสดงประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นโดยมีเหตุอันสมควร ซึ่งไม่ต้องรับผิดเงินเพิ่มตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฏากร เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จึงกำหนดแนวทางปฏิบัติในการพิจารณาเหตุอันสมควร ตามมาตรา 67 ตรีแห่งประมวลรัษฏากร ดังต่อไปนี้ข้อ
1 ให้ยกเลิกแนวทางปฏิบัติกรมสรรพากรที่ มก. 1/2546 เรื่อง การพิจารณาเหตุอันสมควร ตามมาตร 67 ตรี แห่งประมวลรัษฏากร ลงวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2546ข้อ
2 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ได้จัดทำประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีครี่งปีไว้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว ถือว่ามีเหตุอันสมควรตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฏากรข้อ
3 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินกว่าร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิซึ่งได้จากการประกอบกิจการโดยมีเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ ถือว่ามีเหตุอันสมควร ตามมาตรา 67 ตรีแห่งประมวลรัษฏากร(1)
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการในรอบระยะเวลา 6เดือนหลังของรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการ (รายได้จากการประกอบกิจการ ไม่รวมถึง การนำเงินไปหาประโยชน์โดยฝากธนาคาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์หรือซื้อพันธบัตรหรือหลักทรัพย์ที่ได้รับมาก่อนไม่ว่าในรอบระยะเวลาบัญชีนี้หรือรอบระยะเวลาบัญชีก่อน)(2)
กรณีบริษัทหรือห้างหุน้ ส่วนนิติบุคคลยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อปรับปรุงรายได้เพิ่มขึ้น ตามข้อเท็จจริงของผลการตรวจสภาพกิจการ(3)
กรณีมีการขายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการในรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือนหลัง ของรอบระยะเวลาบัญชี และมีกำไรจากการขายทรัพย์สินดังกล่าว(4)
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำลง ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดต่ำลงด้วย(5)
การส่งสินค้าออกมีความไม่แน่นอน ทั้งปริมาณและราคาสินค้า หรือมีการยกเลิกการควบคุมราคาหรือปริมาณสินค้าส่งออก(6)
การรับจ้างที่มีค่าจ้างไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผู้ว่าจ้างและความยากง่ายของงานที่ทำ(7)
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติข้อ
4 ในการพิจารณาเหตุอันสมควร ให้เจ้าพนักงานประเมินพิจารณาและเสนอความเห็นต่อผู้มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติ ดังนี้(1)
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีเหตุอันสมควรตามที่กำหนดไว้ตามข้อ 2 ให้พิจารณาและเสนอความเห็นต่อผู้อำนวยการสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ หรือผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภาษีกลาง หรือสรรพากรพื้นที่ แล้วแต่กรณี พิจารณาอนุมัติ(2)
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่มีเหตุอันสมควรตามที่กำหนดไว้ตามข้อ 2 แต่มีเหตุอันสมควรตามที่กำหนดไว้ตามข้อ 3 ให้พิจารณาเบื้องต้นว่ามีเหตุอันสมควรหรือไม่มีเหตุอันสมควร แล้วเสนอความเห็นจากการพิจารณาดังกล่าวผ่านสำนักมาตรฐานการกำกับและตรวจสอบภาษี เพื่อพิจารณาเสนออธิบดีกรมสรรพากรอนุมัติสำหรับสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่และสำนักตรวจสอบภาษีกลาง หรือให้เสนอความเห็นต่อสรรพากรภาคพิจารณาอนุมัติสำหรับสำนักงานสรรพากรพื้นที่ แล้วแต่กรณี(3)
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลไม่มีเหตุอันสมควรตามที่กำหนดไว้ตามข้อ 3 แต่เจ้าพนักงานประเมินพิจารณาเห็นว่ามีเหตุอันสมควร ให้เสนอความเห็นผ่านสำนักมาตรฐานการกำกับและตรวจสอบภาษี เพื่อขออนุมัติอธิบดีกรมสรรพากรเป็นแต่ละกรณี สำหรับสำนักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่และสำนักตรวจสอบภาษีกลาง หรือให้เสนอความเห็นเพื่อขออนุมัติสรรพากรภาคเป็นแต่ละกรณี สำหรับสำนักงานสรรพากรพื้นที่แล้วแต่กรณีข้อ
5 กรณีปรับปรุงเหตุอันสมควร สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งประกอบกิจการทั้งที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้วปรากฎว่าประมาณการกำไรสุทธิรวมของทั้งสองประเภทกิจการขาดไปไม่เกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิรวมซึ่งได้จากการประกอบกิจการ และประมาณการกำไรสุทธิของกิจการที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลขาดไปไม่เกินร้อยละ 25 ของกำไรสุทธิของกิจการที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเช่นเดียวกัน ถือว่ามีเหตุอันสมควร ตามมาตรา 67 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรข้อ
6 ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือตอบข้อหารือ หรือทางปฎิบัติใดที่ขัดแย้งกับคำสั่งนี้ให้ถือปฎิบัติตามแนวทางและตัวอย่างการคำนวณที่แนบท้ายแนวทางปฎิบัตินี้ข้อ
7 กรณีมีเหตุที่ไม่สามารถปฎิบัติตามแนวทางปฎิบัตินี้ได้ ให้เสนอข้อเท็จจริงและความเห็นต่ออธิบดีเพื่อวินิจฉัยสั่งการข้อ
8 ให้ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการกำกับและตรวจสอบภาษีรักษาการตามแนวทางปฎิบัตินี้ข้อ
9 ให้ถือปฎิบัติตั้งแต่วันที่ที่ลงในแนวทางปฎิบัตินี้เป็นต้นไปประกาศ ณ วันที่
28 ธันวาคม พ.ศ. 2550พิชาติ เกษเรือง
(
นายพิชาติ เกษเรือง)รองอธิบดี ปฎิบัติราชการแทน
อธิบดีกรมสรรพากร
Copyright (c) 2014 - 2024 narongaccounting.co.th All rights reserved.
System developed by
CRiT SERVICE |
CHECK MAIL |
BOOKMARK |
NR SERVICE